↑ หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ เป็นบริเวณเดียวที่ขับฝั่งซ้าย ↑ ห้าดินแดนหลักได้แก่ อเมริกันซามัว, กวม, หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา, ปวยร์โตรีโก และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ พื้นที่เกาะที่เล็กกว่าสิบเอ็ดพื้นที่ซึ่งไม่มีประชากรถาวร: เกาะเบเกอร์, เกาะฮาวแลนด์, เกาะจาร์วิส, จอห์นสตันอะทอลล์, คิงแมนรีฟ, มิดเวย์อะทอลล์, และแพลไมราอะทอลล์ อำนาจอธิปไตยของสหรัฐเหนือบาโฮนวยโวแบงก์, เกาะนาแวสซา, เซร์รานียาแบงก์และเกาะเวกยังพิพาทอยู่[21] ↑ สารานุกรมบริตานิกาแสดงรายการประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่สุดอันดับสามของโลก (รองจากประเทศรัสเซียและแคนาดา) โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 9, 572, 900 ตารางกิโลเมตร[22] และสหรัฐเป็นประเทศใหญ่สุดอันดับที่ 4 โดยมีพื้นที่ 9, 526, 468 ตารางกิโลเมตร ตัวเลขของสหรัฐน้อยกว่า เดอะเวิลด์แฟกต์บุ๊ก เนื่องจากไม่นับรวมน่านน้ำชายฝั่งและน่านน้ำอาณาเขต[23] เดอะเวิลด์แฟกต์บุ๊ก แสดงรายการสหรัฐว่าเป็นประเทศใหญ่สุดอันดับ 3 ของโลก (รองจากประเทศรัสเซียและแคนาดา) โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 9, 833, 517 ตารางกิโลเมตร[24] และประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่สุดอันดับที่ 4 โดยมีพื้นที่ 9, 596, 960 ตารางกิโลเมตร[25] ตัวเลขของสหรัฐนี้มากกว่า สารานุกรมบริตานิกา เนื่องจากไม่นับรวมน่านน้ำชายฝั่งและน่านน้ำอาณาเขต ↑ สเปนส่งคณะสำรวจไปอะแลสกาหลายเที่ยวเพื่อยืนยันการอ้างสิทธิ์แต่ช้านานเหนือแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งสืบย้อนไปถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1785–1795 วาณิชบริติชซึ่งได้รับการส่งเสริมจากเซอร์โจเซฟ แบงส์และมีรัฐบาลสนับสนุน พยายามพัฒนาการค้านี้อย่างต่อเนื่องแม้การอ้างสิทธิ์ของสเปนและสิทธิ์การเดินเรือ ความอุตสาหะของวาณิชเหล่านี้อยู่ได้ไม่นานเมื่อเผชิญกับการคัดค้านของสเปน ความท้าทายยังถูกคัดค้านจากการที่ประเทศญี่ปุ่นถือมั่นในการปิดประเทศอย่างดื้อรั้น[83] ↑ แหล่งที่มา: การสำรวจชุมชนอเมริกา 2010 กรมสำมะโนสหรัฐ ผู้ตอบส่วนใหญ่ที่พูดภาษาอื่นนอกเหนือจากภาษาอังกฤษี่บ้านยังรายงานว่าพูดภาษาอังกฤษ "ดี" หรือ "ดีมาก" สำหรับกลุ่มภาษาที่แสดงรายการข้างต้น ผู้พูดภาษาเยอรมันเป็นผู้มีความสามารถภาษาอังกฤษมากที่สุด (96% รายงานว่าพูดภาษาอังกฤษ "ดี" หรือ "ดีมาก") ตามด้วยผู้พูดภาษาฝรั่งเศส (93.
67% ของ GDP ให้การกุศล มากกว่าประเทศอื่น ๆ มากกว่าบริติชที่อยู่อันดับสองที่ 0. 73% ถึงสองเท่า และประมาณสิบสองเท่าของฝรั่งเศสที่ 0. 14%[556][557] ฝันอเมริกัน หรือการรับรู้ว่าชาวอเมริกันมีการเปลี่ยนสถานภาพทางสังคมสูง มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดผู้เข้าเมือง[558] ไม่ว่าการรับรู้นี้เป็นจริงหรือไม่ยังเป็นหัวข้อการอภิปราย[560][561][562][420][563] แม้วัฒนธรรมกระแสหลักถือว่า เป็นสังคมที่ไม่มีชนชั้น[564] แต่นักวิชาการระบุความแตกต่างอย่างสำคัญระหว่างชนชั้นทางสังคมต่าง ๆ ของประเทศ มีผลต่อการขัดเกลาทางสังคม ภาษาและค่านิยม[565] ภาพลักษณ์ตนเอง มุมมองของสังคม และความคาดหวังทางวัฒนธรรมของชาวอเมริกันเกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพของพวกเขาในระดับที่ใกล้ชิดผิดปกติ[566] แม้ชาวอเมริกันมีแนวโน้มอย่างมากที่จะให้คุณค่าของความสำเร็จทางเศรษฐกิจและสังคม แต่โดยทั่วไปก็มองว่าการเป็นคนสามัญหรือระดับเฉลี่ยเป็นคุณลักษณะในทางบวก[567] อาหาร พายแอปเปิลเป็นอาหารที่ปกติสัมพันธ์กับอาหารอเมริกัน อาหารอเมริกันกระแสหลักคล้ายกับอาหารในประเทศตะวันตกอื่น ข้าวสาลีเป็นธัญพืชหลัก โดยผลิตภัณฑ์ธัญพืชประมาณสามในสี่ทำจากแป้งข้าวสาลี[568] และอาหารหลายชนิดใช้ส่วนประกอบพื้นเมือง เช่น ไก่งวง เนื้อกวาง มันฝรั่ง มันเทศ ข้าวโพด น้ำเต้าและน้ำเชื่อมเมเปิลซึ่งอเมริกันพื้นเมืองและผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรปสมัยแรกเริ่มบริโภค[569] อาหารที่ปลูกในท้องถิ่นนี้ถือเป็นเมนูของชาติร่วมกันในวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นวันหยุดยอดนิยมวันหนึ่งของสหรัฐ ซึ่งชาวอเมริกันบางส่วนประกอบอาหารตามประเพณีเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสนั้น[570] อาหารอันเป็นลักษณะ เช่น พายแอปเปิล ไก่ทอด พิซซา แฮมเบอร์เกอร์และฮอตดอกมาจากตำรับของผู้เข้าเมืองต่าง ๆ มันฝรั่งทอด อาหารเม็กซิกันอย่างเบอร์ริโตและทาโก และอาหารพาสตาซึ่งรับมาจากแหล่งของอิตาลีอย่างอิสระมีการบริโภคอย่างแพร่หลาย[571] ชาวอเมริกันดื่มกาแฟมากกว่าชาสามเท่า[572] การตลาดโดยอุตสาหกรรมสหรัฐเป็นเหตุหลักให้ผลิตน้ำส้มและนม เครื่องดื่มอาหารเช้าที่พบทั่วไป[573][574] อุตสาหกรรมอาหารจานด่วนของสหรัฐ ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก[575] นำร่องรูปแบบขับผ่าน (drive-through) ในคริสต์ทศวรรษ 1940[576] การบริโภคอาหารจานด่วนทำให้เกิดความกังวลด้านสุขภาพ ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1980 และ 1990 การบริโภคแคลอรีของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น 24%[571] การกินอาหารที่ร้านอาหารจานด่วนบ่อยขึ้นสัมพันธ์กับที่ข้าราชการสาธารณสุขเรียกว่า "โรคอ้วนระบาด" ของอเมริกา[577] น้ำอัดลมใส่น้ำตาลสูงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และเครื่องดื่มใส่น้ำตาลคิดเป็นร้อยละ 9 ของการรับแคลอรีของชาวอเมริกัน[578] ภาพยนตร์ ฮอลลีวูด ย่านตอนเหนือของลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นผู้นำในด้านการผลิตภาพยนตร์แห่งหนึ่ง[579] นิทรรศการภาพยนตร์พาณิชย์แห่งแรกของโลกจัดขึ้นในนครนิวยอร์กในปี 1894 โดยใช้ไคนีโตสโคปของทอมัส เอดิสัน[580] ปีถัดมามีการจัดแสดงพาณิชย์ครั้งแรกซึ่งภาพยนตร์ฉาย (projected film) ในนิวยอร์กเช่นกัน และสหรัฐเป็นแนวหน้าของการพัฒนาภาพยนตร์เสียงในหลายศวรรษถัดมา ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของสหรัฐส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในและรอบฮอลลีวูด แม้ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 จะมีภาพยนตร์ที่มิได้ผลิตที่นี่เพิ่มขึ้น และบริษัทภาพยนตร์ต่างได้รับอิทธิพลจากแรงของโลกาภิวัฒน์[581] ผู้กำกับ ดี.
ข้อมูลประเทศสหรัฐอเมริกา - เดอะเบสท์ แนะแนวเรียนต่อสหรัฐอเมริกา
ศึกษาภาษาอังกฤษในประเทศสหรัฐอเมริกา - Study in the USA
ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3, 000 คน[169] สหรัฐตอบโต้ด้วยการเปิดฉากสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งรวมสงครามในอัฟกานิสถานและสงครามอิรักปี 2003–2011[170][171] ในปี 2007 รัฐบาลบุชสั่งเพิ่มกำลังทหารครั้งใหญ่ในสงครามอิรัก[172] ซึ่งลดความรุนแรงและนำสู่เสถียรภาพเพิ่มขึ้นในภูมิภาคอย่างเป็นผล[173][174] นโยบายของรัฐบาลซึ่งออกแบบเพื่อส่งเสริมการเคหะที่มีราคาไม่แพง[175] ความล้มเหลวกว้างขวางของบรรษัทภิบาลและธรรมาภิบาลในการกำกับดูแล (regulatory governance)[176] และอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ของระบบธนาคารกลาง[177] นำสู่ฟองสบู่การเคหะกลางคริสต์ทศวรรษ 2000 จนลงเอยด้วยวิกฤตการณ์การเงินปี 2008 เป็นการหดตัวทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศนับแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่[178] บารัก โอบามา ประธานาธิบดีแอฟริกันอเมริกันและหลายเชื้อชาติคนแรก ได้รับเลือกตั้งในปี 2008 ท่ามกลางวิกฤต[179] และต่อมาผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและรัฐบัญญัติการปฏิรูปวอลล์สตรีตและคุ้มครองผู้บริโภคด็อดด์-แฟรงก์เพื่อพยายามบรรเทาผลร้าย มาตรการกระตุ้นดังกล่าวอำนวยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน[180] และการว่างงานลดลงโดยสัมพัทธ์[181] ด็อดด์-แฟรงก์พัฒนาเสถียรภาพทางการเงินและการคุ้มครองผู้บริโภค[182] แต่มีผลลบต่อการลงทุนธุรกิจและธนาคารขนาดเล็ก[183] ในปี 2010 รัฐบาลโอบามาผ่านรัฐบัญญัติการบริบาลที่เสียได้ ซึ่งเป็นการปฏิรูปครั้งที่ครอบคลุมที่สุดต่อระบบสาธารณสุขของประเทศในเกือบห้าทศวรรษ ซึ่งรวมการมอบอำนาจ เงินอุดหนุนและการแลกเปลี่ยนประกัน กฎหมายนี้ทำให้ลดจำนวนและร้อยละของผู้ไม่มีประกันสุขภาพลงอย่างสำคัญ โดยมี 24 ล้านคนครอบคลุมระหว่างปี 2016[184] กระนั้น กฎหมายนี้เป็นที่โต้เถียงเนื่องจากผลกระทบต่อราคาสาธารณสุข เบี้ยประกันภัยและสมรรถภาพทางเศรษฐกิจ[185] แม้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำถึงจุดต่ำสุดในเดือนมิถุนายน 2009 แต่ผู้ออกเสียงลงคะแนนยังคับข้องใจกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ล่าช้า พรรครีพับลิกันซึ่งคัดค้านนโยบายของโอบามา ได้ควบคุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างถล่มทลายในปี 2010 และควบคุมวุฒิสภาในปี 2014[186] มีการถอนกำลังอเมริกันในประเทศอิรักในปี 2009 และ ปี 2010 และมีการประกาศให้สงครามในภูมิภาคยุติลงอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2011[187] การถอนกำลังดังกล่าวทำให้การก่อการกำเริบนิกายนิยมบานปลาย[188] นำสู่ความเจริญของรัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ ซึ่งเป็นผู้สืบทอดของอัลกออิดะฮ์ในภูมิภาค[189] ในปี 2014 โอบามาประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางทูตสมบูรณ์กับประเทศคิวบาเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 1961[190] ปีต่อมา สหรัฐซึ่งเป็นสมาชิกประเทศพี5+1 ลงนามแผนปฏิบัติการเบ็ดเสร็จร่วม ซึ่งเป็นความตกลงที่มุ่งชะลอการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของประเทศอิหร่าน[191] ดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีผู้มั่งมีที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐและประธานาธิบดีคนแรกที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองและการทหารก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ถือเป็นการเลือกตั้งที่มีผลลัพธ์ผิดคาดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศ[192] เขาเป็นผู้นำประเทศในการระบาดระลอกแรกของไวรัสโคโรนา 2019 ต่อมา ในช่วงต้นทศวรรษ 2020 สหรัฐต้องเผชิญกับความขัดแย้งในประเทศที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ก่อให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่รวมถึงเสียงวิจารณ์ในวงกว้างต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ[193] ความขัดแย้งยังทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จากการเสียชีวิตของประชาชนจากเหตุการณ์กราดยิงในหลายพื้นที่[194] นำไปสู่ประเด็นถกเถียงต่อความเหมาะสมของกฎหมายในการครอบครองและพกพาอาวุธปืน ใน ค.
troops has 'succeeded beyond our wildest dreams. ' ↑ Wallison, Peter (2015). Hidden in Plain Sight: What Really Caused the World's Worst Financial Crisis and Why It Could Happen Again. Encounter Books. ISBN 978-1-59403-770-2. ↑ Financial Crisis Inquiry Commission (2011). Financial Crisis Inquiry Report (PDF). ISBN 978-1-60796-348-6. ↑ Taylor, John B. (January 2009). "The Financial Crisis and the Policy Responses: An Empirical Analysis of What Went Wrong" (PDF). Hoover Institution Economics Paper Series. National Bureau of Economic Research.
ศึกษาภาษาอังกฤษในประเทศสหรัฐอเมริกาค้นหาหลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษ (ESL) มีที่ไหนที่ดีต่อการไปเรียนภาษาอังกฤษมากไปกว่าประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น “แผ่นดินแห่งโอกาส”? มีนักศึกษาจำนวนหลายพันคนเดินทางเข้ามาศึกษาภาษาอังกฤษในประเทศสหรัฐอเมริกาทุกปี หลายคนเข้ามาศึกษาภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมความพร้อมในการศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยหรือระดับมหาวิทยาลัยที่ประเทศนี้ บางก็มาศึกษาภาษาอังกฤษไปพร้อมกับเก็บเกี่ยวประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบอเมริกันชน บางก็มาเพื่อพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษเพื่อความพัฒนาในอาชีพของตน แต่ด้วยเหตุผลใดก็ตาม พวกเขาได้เข้ามาทำการศึกษาภาษาอังกฤษ ได้รับความสนุกสนาน ได้รับประสบการณ์และเรียนรู้วัฒนธรรมจากหลายชนชาติ และพบเพื่อนใหม่จากทั่วทุกมุมโลก เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ มีชุมชนในเมืองใหญ่และชุมชนในชนบท วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยก็มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ซึ่งเป็นทั้งของเอกชนและของรัฐบาล ดังนั้น การเลือกที่เรียนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณจึงเป็นก้าวแรกที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จที่คุณได้ตั้งไว้ในการเข้ามาทำการศึกษาภาษาอังกฤษที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อไปนี้เป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรรู้เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการเลือกที่เรียน: หลักสูตรการเรียนการสอนของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกาเสนอหลักสูตรติวเข้มภาษาอังกฤษแบบเต็มเวลา ซึ่งหลักสูตรติวเข้มภาษาอังกฤษส่วนใหญ่นั้นนักศึกษาต้องใช้เวลาทำการศึกษาในชั้นเรียน 20-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และตามเงื่อนไขของการขอวีซ่านักเรียนของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น นักศึกษาต้องทำการศึกษาในชั้นเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ดังนั้น นักศึกษาจึงเริ่มทำการศึกษาตั้งแต่วันแรกของภาคการศึกษา (เทอม หรือ ควอเตอร์) ข้อได้เปรียบของหลักสูตรนี้คือ นักศึกษาสามารถเข้าพักอาศัยในหอพักนักศึกษาของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยได้ และยังสามารถเข้าใช้ห้องสมุด สถานที่พักผ่อน สถานที่เล่นกีฬา และเครื่องอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งนักศึกษายังมีโอกาสได้ทำการฝึกฝนพูดภาษาอังกฤษกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในหอพักนักศึกษาเดียวกันหรือในเวลาที่อยู่ในโรงอาหาร ในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยบางแห่ง นักศึกษาภาษาอังกฤษที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับก้าวหน้าอาจสามารถลงเรียนหลักสูตรวิชาบางหลักสูตรของมหาวิทยาลัยได้ในระหว่างที่กำลังศึกษาภาษาอังกฤษอยู่ และข้อดีอีกข้อของการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษ (ESL) ของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยก็คือว่า นักศึกษาที่ถือวีซ่านักเรียนประเภท F-1 อาจสามารถสมัครขอทำงานในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยได้มากถึง 20ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สิ่งสำคัญที่คุณควรรู้เกี่ยวกับหลักสูตรภาษาอังกฤษนี้ก็คือ หลักสูตรภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการศึกษาของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย ดังนั้นคุณจะไม่ได้หน่วยกิตการศึกษาผ่านการศึกษาหลักสูตรนี้ และนักศึกษาที่ลงเรียนหลักสูตรนี้อาจไม่ได้รับการยอมรับเข้าศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยนั้น และอีกอย่างก็คือ วิทยาลัย มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยชุมชนของรัฐบาลส่วนใหญ่จะคิดค่าเล่าเรียนต่ำกว่าวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยของเอกชน หลักสูตรภาษาอังกฤษของสถาบันสอนภาษาเอกชน โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษของเอกชนบางแห่งก็เปิดทำการเรียนการสอนเพื่อเตรียมความพร้อมของนักศึกษาในการเข้าไปศึกษาต่อในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาเหมือนกัน และในสถาบันสอนภาษาเอกชนบางแห่งนั้น นักศึกษาอาจสามารถลงเรียนหนึ่งหรือสองหลักสูตรวิชาของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสถาบันสอนภาษาได้อีกด้วย สถาบันและโรงเรียนสอนภาษาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้กับวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย บางแห่งตั้งอยู่ในตึกสำนักงาน ในห้าง หรือในตึกโรงเรียนของตัวเอง นอกเจากนี้โรงเรียนสอนภาษาเหล่านี้บางแห่งก็มีที่พักให้นักศึกษาพักอาศัยด้วย ตารางการเรียนการสอนของโรงเรียนสอนภาษาเอกชนโดยมากจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าของทางวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยเมื่อเอามาเปรียบเทียบกัน และภาคการศึกษาอาจเริ่มทุก ๆ สองถึงสามอาทิตย์ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่มองหาหลักสูตรภาษาอังกฤษแบบระยะสั้น นอกจากนี้สถาบันสอนภาษาเอกชนยังเสนอหลักสูตรภาษาอังกฤษ ( ESL) แบบช่วงเวลาพักผ่อน โดยการให้นักศึกษาเรียนรู้ภาษาอังกฤษไปพร้อมกับการท่องเที่ยวในสถานที่ที่น่าสนใจต่าง ๆ หรือให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม การเลือกหลักสูตรวิชาเรียนที่เหมาะสมกับคุณ การค้นคว้าหาข้อมูลต่าง ๆ เป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่คุณตัดสินใจเลือกโรงเรียนของคุณ คุณต้องค้นหาคำตอบของคำถามที่คุณมีอยู่ และต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับคุณ ในขณะที่คุณทำการค้นหาโรงเรียนที่คุณต้องการนั้น คุณสามารถเข้าไปดูรายชื่อของโรงเรียนต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ของ Study in the U.
สืบค้นเมื่อ January 21, 2017. ↑ Hilsenrath, Jon; Ng, Serena; Paletta, Damian (September 18, 2008). "Worst Crisis Since '30s, With No End Yet in Sight". The Wall Street Journal. Dow Jones & Company. สืบค้นเมื่อ January 21, 2017. ↑ Washington, Jesse; Rugaber, Chris (September 9, 2011). "African-American Economic Gains Reversed By Great Recession". Huffington Post. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 16, 2013. สืบค้นเมื่อ March 7, 2013.
2 ล้านคน[613] ดนตรี ลีลาจังหวะและเนื้อร้องของดนตรีแอฟริกันอเมริกันมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อดนตรีอเมริกันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มันแตกต่างจากดนตรียุโรป ดนตรีส่วนที่มาจากสำนวนชาวบ้านอย่างบลูส์และที่ปัจจุบันเรียก ดนตรีโอลด์ไทม์ (old-time) นั้นได้รับมาและแปลงเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมกับผู้ชมทั่วโลก แจ๊สประดิษฐ์ขึ้นจากบุคคลอย่างหลุยส์ อาร์มสตรองและดุ๊ก เอลลิงตันในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ดนตรีคันทรีพัฒนาขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1920 และบลูส์ในคริสต์ทศวรรษ 1940[614] เอลวิส เพรสลีย์และชัค เบอร์รีเป็นผู้บุกเบิกร็อกแอนด์โรลช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1950 ในคริสต์ทศวรรษ 1960 บ๊อบ ดีแลนถือกำเนิดขึ้นจากการรื้อฟื้นดนตรีชาวบ้านจนกลายเป็นผู้เขียนเพลงที่ได้รับการยกย่องสูงสุดคนหนึ่งของสหรัฐ และเจมส์ บราวน์นำการพัฒนาดนตรีฟังก์ การสร้างสรรค์ของสหรัฐช่วงหลัง ๆ รวมถึงฮิปฮอปและดนตรีเฮาส์ ดาราป๊อปอย่างเพรสลีย์, ไมเคิล แจ็กสันและมาดอนนากลายเป็นผู้มีชื่อเสียงทั่วโลก[614] เช่นเดียวกับศิลปินดนตรีร่วมสมัยอย่างเทย์เลอร์ สวิฟต์, บริตนีย์ สเปียส์, เคที เพร์รีและบียอนเซ่ ตลอดจนศิลปินฮิปฮอป เจย์-ซี, เอ็มมิเน็มและคานเย เวสต์[615] วงร็อกอย่างเมทัลลิกา ดิอีเกิลส์และแอโรสมิธมียอดขายทั่วโลกสูงสุดอันดับต้น ๆ[616][617][618] สื่อ ดูบทความหลักที่: สื่อในสหรัฐ ผู้แพร่สัญญาณสี่รายหลักในสหรัฐ ได้แก่ บริษัทแพร่สัญญาณแห่งชาติ (NBC), ระบบแพร่สัญญาณโคลัมเบีย (CBS), บริษัทแพร่สัญญาณอเมริกัน (ABC) และฟ็อกซ์ เครือข่ายโทรทัศน์แพร่สัญญาณสี่รายหลักของสหรัฐเป็นเครือข่ายพาณิชย์ทั้งสิ้น ชาวอเมริกันฟังรายการวิทยุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นราชการพาณิชย์ โดยเฉลี่ยกว่าสองชั่วโมงครึ่งต่อวัน[619] ในปี 1998 สถานีวิทยุพาณิชย์ของสหรัฐเติบโตเป็นสถานีเอเอ็ม 4, 793 สถานีและเอฟเอ็ม 5, 662 สถานี นอกจากนี้ ยังมีสถานีวิทยุสาธาณะ 1, 460 สถานี สถานีเหล่านี้ส่วนมากมีมหาวิทยาลัยและองค์การรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการศึกษาและมีเงินทุนจากสาธารณะหรือเอกชน การรับสมาชิกและการรับประกันภัยของบริษัท เอ็นพีอาร์เป็นผู้แพร่สัญาณวิทยุสาธารณะจำนวนมาก (เดิมคือ วิทยุสาธารณะแห่งชาติ) เอ็นพีอาร์ถูกก่อตั้งเป็นบริษัทในเดือนกุมภาพันธ์ 1970 ภายใต้รัฐบัญญัติการแพร่สัญญาณสาธารณะปี 1967 องค์การโทรทัศน์ พีบีเอส ก็ถูกก่อตั้งขึ้นจากกฎหมายฉบับเดียวกัน ในวันที่ 30 กันยายน 2014 มีสถานีวิทยุเต็มกำลังจดทะเบียน 15, 433 สถานีในสหรัฐตามข้อมูลของคณะกรรมการการสื่อสารกลางสหรัฐ (FCC)[620] หนังสือพิมพ์ขึ้นชื่อรวมถึง เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล, เดอะนิวยอร์กไทมส์และยูเอสเอทูเดย์[621] แม้ว่าค่าใช้จ่ายของการจัดพิมพ์เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ราคาของหนังสือพิมพ์โดยทั่วไปยังต่ำอยู่ ทำให้หนังสือพิมพ์อาศัยรายรับจากการโฆษณามากขึ้นและบทความที่บริการสายข่ายหลักจัดหาให้ เช่น แอสโซซิเอเต็ดเพรสหรือรอยเตอส์ สำหรับความครอบคลุมระดับชาติและโลก หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับในสหรัฐเป็นของเอกชน ไม่ว่าเป็นลูกโซ่ขนาดใหญ่อย่งแกนเน็ตหรือแม็กแคลทชี ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์หลายสิบหรือหลายร้อยฉบับ ลูกโซ่ขนาดเล็กซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์จำนวนหนึ่ง หรือมีปัจเจกบุคคลหรือครอบครัวเป็นเจ้าของซึ่งพบได้น้อยลงทุกที นครใหญ่มักมี "รายสัปดาห์ทางเลือก" เพื่อส่งเสริมหนังสือพิมพ์รายวันกระแสหลัก ตัวอย่างเช่น เดอะวิลเลจวอยซ์ของนครนิวยอร์ก หรือแอลเอวีกลีของลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นสองฉบับที่ขึ้นชื่อมากที่สุด นครหลักยังสนับสนุนวารสารธุรกิจท้องถิ่น หนังสือพิมพ์การค้าซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท้องถิ่น และหนังสือพิมพ์สำหรับกลุ่มชาติพันธุ์และสังคมท้องถิ่น แถบตลกหนังสือพิมพ์อเมริกันฉบับแรก ๆ และหนังสือการ์ตูนอเมริกันเริ่มปรากฏในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในปี 1938 ซูเปอร์แมน ซูเปอร์ฮีโรหนังสือการ์ตูนของดีซีคอมิกส์ พัฒนาเป็นสัญรูปอเมริกัน[622] นอกเหนือจากเว็บพอร์ทัลและโปรแกรมค้นหา เว็บไซต์ยอดนิยมได้แก่ เฟซบุ๊ก ยูทูบ วิกิพีเดีย ยาฮู! อีเบย์ แอมะซอนและทวิตเตอร์[623] มีสิ่งพิมพ์เผยแพร่กว่า 800 ฉบับผลิตในภาษาสเปน ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันมากที่สุดเป็นอันดับสองในสหรัฐรองจากภาษาอังกฤษ[624][625] เชิงอรรถ ↑ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของ 32 รัฐ ภาษาอังกฤษและฮาวายเป็นภาษาราชการทั้งคู่ในรัฐฮาวาย และภาษาอังกฤษและภาษาเฉพาะถิ่น 20 ภาษาเป็นภาษาราชการในรัฐอะแลสกา ภาษาแอลกองเคียน เชอโรกีและซูเป็นหนึ่งในหลายภาษาราชการในดินแดนที่ชนพื้นเมืองควบคุมทั่วประเทศ ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาโดยพฤตินัยแต่ไม่เป็นทางการในรัฐเมนและลุยเซียนา ส่วนกฎหมายรัฐนิวเม็กซิโกให้ภาษาสเปนมีสถานภาพพิเศษ ในห้าดินแดน ภาษาอังกฤษและภาษาเฉพาะถิ่นอย่างน้อยหนึ่งภาษาเป็นภาษาราชการ ได้แก่ ภาษาสเปนในปวยร์โตรีโก, ภาษาซามัวในอเมริกันซามัว, ภาษาชามอร์โรทั้งในเกาะกวมและหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา, ภาษาแคโรไลน์ยังเป็นภาษาราชการในหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา[4][5] ↑ อัตลักษณ์และลักษณะเชื้อชาติฮิสแปนิก/ละติโนเป็นคำถามแยกต่างหากในสำมะโนสหรัฐ ผู้ที่ระบุตนเองเป็นฮิสแปนิกหรือละติโนอาจเป็นเชื้อชาติใดก็ได้ ↑ แยงกีเป็นคำเรียกชาวอเมริกัน, นิวอิงแลนด์ หรือผู้คนในบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือในอดีตและไม่เป็นทางการตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 ↑ ถ้ารวมพื้นที่ชายฝั่งและบริเวณผืนน้ำ สหรัฐจะเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากแคนาดา ถ้าไม่รวม สหรัฐจะเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 รองจากจีน.
ประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อเต็ม เมืองหลวง สกุลเงิน ธงชาติ (พจนานุกรม
↑ "What the Stimulus Accomplished". The New York Times Company. February 22, 2014. สืบค้นเมื่อ January 21, 2017. ↑ "Economic Stimulus". IGM Polls. Initiative on Global Markets at the University of Chicago. February 15, 2012. สืบค้นเมื่อ January 21, 2017. ↑ "The Impact of the Dodd-Frank Act on Financial Stability and Economic Growth" (PDF). Brookings. October 24, 2014. สืบค้นเมื่อ August 31, 2017; Martin Neil Baily; Aaron Klein; Justin Schardin (January 2017). "The Impact of the Dodd-Frank Act on Financial Stability and Economic Growth".
↑ Ek, Carl, and Ian F. Fergusson (September 3, 2010). "Canada–U. Relations" (PDF). สืบค้นเมื่อ August 28, 2011. {{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์) ↑ Vaughn, Bruce (August 8, 2008). "Australia: Background and U. Relations". สืบค้นเมื่อ August 28, 2011. ↑ Vaughn, Bruce (May 27, 2011). "New Zealand: Background and Bilateral Relations with the United States" (PDF).
Madison) ปี 1803[321] เขตรัฐกิจ สหรัฐเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐประกอบด้วย 50 รัฐ เขตสหพันธรัฐ ห้าดินแดนและเกาะที่ไม่มีคนอยู่อาศัยสิบเอ็ดเกาะ[323] รัฐและดินแดนเป็นเขตการปกครองหลักในประเทศ แบ่งเป็นเขตย่อยเทศมณฑลและนครอิสระ เขตโคลัมเบียเป็นเขตสหพันธรัฐซึ่งมีเมืองหลวงของสหรัฐ คือ กรุงวอชิงตัน ดี. รัฐและเขตโคลัมเบียเลือกประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ละรัฐมีผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีเทียบเท่ากับผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาในรัฐสภา เขตโคลัมเบียมีสามคน[324] เขตรัฐสภามีการกำหนดจำนวนผู้แทนตามส่วนของพลเมืองใหม่ของรัฐหลังสำมะโนประชากรทุกสิบปี แล้วแต่ละรัฐเป็นเขตสมาชิกหนึ่งให้เป็นไปตามการจัดสัดส่วนสำมะโน มีจำนวนผู้แทนราษฎรทั้งหมด 435 คน และสมาชิกรัฐสภาผู้แทนเป็นตัวแทนของเขตโคลัมเบียและห้าดินแดนหลักของสหรัฐ[325] สหรัฐยังมีอำนาจอธิปไตยชนเผ่า (tribal sovereignty) ของชาติอเมริกันอินเดียนในขอบเขตจำกัด เช่นเดียวกับอำนาจอธิปไตยของรัฐ อเมริกันอินเดียนเป็นพลเมืองสหรัฐและดินแดนชนเผ่าอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐสภาสหรัฐและศาลสหพันธรัฐ เช่นเดียวกับรัฐ ชนเผ่ามีอัตตาณัติสูง แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกาศสงคราม มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชองตนเอง หรือพิมพ์และออกเงินตรา[326] พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง สหรัฐใช้ระบบสองพรรคมาเกือบตลอดประวัติศาสตร์[327] สำหรับตำแหน่งเลือกตั้งแทบทุกระดับ การเลือกตั้งผู้สมัครรอบแรกที่รัฐจัดการเลือกผู้ได้รับเสนอชื่อของพรรคการเมืองหลักสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปในเวลาต่อมา นับแต่การเลือกตั้งทั่วไปปี 1856 พรรคการเมืองหลักได้แก่ พรรคเดโมแครตซึ่งก่อตั้งในปี 1824 และพรรคริพับลิกันซึ่งก่อตั้งในปี 1854 นับแต่สงครามกลางเมือง มีผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีจากพรรคที่สามเพียงคนเดียว คือ อดีตประธานาธิบดีธีโอดอร์ โรสเวลต์ ซึ่งมาจากพรรคก้าวหน้าในปี 1912 ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งผ่านระบบคณะผู้เลือกตั้ง[328] ภายในวัฒนธรรมการเมืองอเมริกา พรรครีพับลิกันฝ่ายกลางขวาถือว่าเป็น "อนุรักษนิยม" และพรรคเดโมแครตฝ่ายกลางซ้ายถือว่าเป็น "เสรีนิยม"[329][330] รัฐภาคตะวันออกเฉียงเหนือและชายฝั่งตะวันตกและรัฐเกรตเลกส์บางรัฐรู้จักกันในนาม "รัฐน้ำเงิน" ค่อนข้างเป็นเสรีนิยม "รัฐแดง" ในภาคใต้และบางส่วนของเกรตเพลนส์และเทือกเขาร็อกกีค่อนข้างเป็นอนุรักษนิยม โจ ไบเดินจากพรรคเดโมแครต ผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ผู้นำปัจจุบันในวุฒิสภา ได้แก่ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครต ประธานชั่วคราวแพทริก ลีฮี (Patrick Leahy) จากพรรคเดโมแครต หัวหน้าฝ่ายข้างมาก ชัก ชูเมอร์ (Chuck Schumer) และหัวหน้าฝ่ายข้างน้อย มิตช์ แม็กคอนเนล (Mitch McConnell) ผู้นำในสภาผู้แทนราษฎร ได้แก่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรแนนซี เพโลซี หัวหน้าฝ่ายข้างมาก สเตนี ฮอยเยอร์ (Steny Hoyer) และหัวหน้าฝ่ายข้างน้อย เควิน แม็กคาธี (Kevin McCarthy) ในรัฐสภาสหรัฐสมัยที่ 117 พรรคเดโมแครตครองทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ปัจจุบันวุฒิสภามีเดโมแครต 48 คน และอิสระ 2 คนซึ่งประชุมลับกับเดโมแครต รีพับลิกัน 50 คน สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยรีพับลิกัน 221 คนและเดโมแครต 211 คน ในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ มีรีพับลิกัน 27 คน เดโมแครต 23 คน ในบรรดานายกเทศมนตรี ดี.
The Guardian. สืบค้นเมื่อ September 25, 2017. ↑ Kaste, Martin (March 30, 2015). "Open Cases: Why One-Third Of Murders In America Go Unresolved". สืบค้นเมื่อ May 8, 2017. ↑ "Uniform Crime Reporting Statistics". S Department of Justice Federal Bureau of Investigation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-07-03. สืบค้นเมื่อ November 16, 2013.
"Crime in the United States, 2011". FBI '(Uniform Crime Statistics—Murder)'. สืบค้นเมื่อ January 23, 2013. "UNODC Homicide Statistics". United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC). สืบค้นเมื่อ January 23, 2013. ↑ "Eighth United Nations Survey of Crime Trends and Operations of Criminal Justice Systems (2001–2002)" (PDF).
6 ตารางกิโลเมตร รัฐอะแลสกา ซึ่งมีประเทศแคนาดาคั่นสหรัฐแผ่นดินใหญ่ เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุด มีขนาด 1, 717, 856. 2 ตารางกิโลเมตร รัฐฮาวายซึ่งเป็นกลุ่มเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกกลาง อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาเหนือ มีพื้นที่ 28, 311 ตารางกิโลเมตร[196] ดินแดนที่มีประชากรอาศัยของสหรัฐ ได้แก่ ปวยร์โตรีโก อเมริกันซามัว กวม หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาและหมู่เกาะเวอร์จินรวมมีพื้นที่ 23, 789 ตารางกิโลเมตร[197] สหรัฐเป็นประเทศใหญ่สุดอันดับสามหรือสี่ของโลกเรียงตามพื้นที่ทั้งหมด (แผ่นดินและผืนน้ำ) รองจากประเทศรัสเซียและแคนาดา และมีอันดับสูงหรือต่ำกว่าจีน การจัดอันดับต่างกันขึ้นอยู่กับว่านับรวมดินแดนที่ประเทศจีนและอินเดียพิพาทหรือไม่ และวัดขนาดทั้งหมดของสหรัฐอย่างไร คือ การคำนวณมีตั้งแต่ 9, 522, 055. 0 กม.
อังกฤษแบบ US ปะทะ UK - Hotcourses Thailand
อังกฤษ vs สหรัฐอเมริกา-【กีฬา โอลิมปิก คือ】
ดับเบิลยู. บุชจึงเปิดฉากปฏิบัติการโล่ทะเลทราย การส่งกำลังป้องกันในประเทศซาอุดีอาระเบีย และปฏิบัติการพายุทะเลทรายในขั้นที่เรียก สงครามอ่าว โดยมีกำลังผสมจาก 34 ประเทศนำโดยสหรัฐต่อประเทศอิรัก ยุติด้วยการขับกำลังอิรักออกจากประเทศคูเวตได้สำเร็จ ฟื้นฟูราชาธิปไตยคูเวต[165] อินเทอร์เน็ตซึ่งกำเนิดในเครือข่ายกลาโหมสหรัฐลามไปเครือข่ายวิชาการระหว่างประเทศ และสู่สาธารณะในปี 1990 มีผลใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมโลก[166] เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ดอตคอม นโยบายการเงินแบบเสถียรภาพภายใต้แอลัน กรีนสแพนและการลดรายจ่ายสวัสดิการสังคม คริสต์ทศวรรษ 1990 มีการขยายทางเศรษฐกิจใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐสมัยใหม่ซึ่งสิ้นสุดในปี 2001[167] เริ่มตั้งแต่ปี 1994 สหรัฐเข้าสู่ความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) เชื่อมประชากร 450 ล้านคนซึ่งผลิตสินค้าและบริการมูลค่า 17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป้าหมายของความตกลงคือเพื่อกำจัดอุปสรรคการค้าและการลงทุนในสหรัฐ ประเทศแคนาดาและเม็กซิโกในวันที่ 1 มกราคม 2008 การค้าในหมู่ไตรภาคีเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ NAFTA มีผลใช้บังคับ[168] วันที่ 11 กันยายน 2001 ผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์โจมตีเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนครนิวยอร์กและอาคารเพนตากอนใกล้กับกรุงวอชิงตัน ดี.
สืบค้นเมื่อ December 24, 2014. ↑ Poppick, Laura. "US Tallest Mountain's Surprising Location Explained". LiveScience. สืบค้นเมื่อ May 2, 2015. ↑ O'Hanlon, Larry (March 14, 2005). "America's Explosive Park". Discovery Channel. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 14, 2005. สืบค้นเมื่อ April 5, 2016. ↑ Boyden, Jennifer. "Climate Regions of the United States". สืบค้นเมื่อ December 24, 2014. ↑ "World Map of Köppen−Geiger Climate Classification" (PDF). สืบค้นเมื่อ August 19, 2015. ↑ Perkins, Sid (May 11, 2002).
ความแตกต่างระหว่างเรียนต่ออังกฤษ VS อเมริกา - GoUni